แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ citation แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ citation แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หาชื่อย่อวารสารด้วย CASSI

      ในการเขียนบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารหรือส่งไปงานประชุมวิชาการนั้นหลายครั้งจำเป็นต้องเขียนเอกสารอ้างอิงโดยใช้ชื่อวารสารแบบย่อ ซึ่งไม่ใช่ว่าเราจะย่อเองได้ เว็บที่เป็นแหล่งข้อมูลทางบรรณานุกรมของวารสารที่สำคัญคือ The CAS Source Index (CASSI) Search Tool ซึ่งเราสามารถเข้าใช้ได้ฟรี ซึ่งหลังจากกดยอมรับเงื่อนไขเข้ามาแล้วจะเห็นหน้าสำหรับค้นหาวาสาร

   เช่นถ้าผมอยากได้ชื่อย่อของวารสาร Food Chemistry ก็พิมพ์ชื่อวารสารเข้าไปและกด search ก็จะได้ผลออกมาโดยที่อาจจะมีหลายชื่อที่มีคำว่า food กับ chemistry เนื่องจากเราไม่ได้เลือกคลิกตรง "Exact match"

    เมื่อคลิกเลือกดูที่รายการ Food Chemistry ซึ่งตรงกับวารสารที่เราต้องการจะเห็นรายละเอียดดังนี้


     ตรงที่ผมไฮไลท์สีเหลืองคือชื่อย่อของวารสาร


การค้นหาการอ้างอิงผลงานด้วย Scopus Author Preview

      Scopus เป็นฐานข้อมูลผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ขนาดใหญ่ซึ่งผมเคยเขียนเกี่ยวกับฐานนี้ไปแล้วก่อนหน้านี้ ในประเทศไทยหลายองค์กรไม่สามารถเข้าถึงฐาน Scopus ได้ แต่ Scopus มีบริการฟรีอันหนึ่งที่น่าสนใจคือ Author Preview ซึ่งหากเราเข้าเว็บไซต์ของ Scopus ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตที่ไม่สามารถเข้าใช้งานได้ เราจะเห็นหน้าเว็บลักษณะนี้  โดย Link สำหรับใช้ Author Preview จะอยู่ตรงที่ผมวงสีแดงในภาพนี้

     เมื่อคลิกเข้าไปจะเห็นหน้าค้นหาดังนี้


     ซึ่งเราสามารถใส่ชื่อ หรือนามสกุลของผู้ที่ต้องการค้นได้ เช่น ผมใส่นามสกุลของผม แล้วกดค้นจะได้ผลดังนี้
      จากนั้นเมื่อคลิกที่ชื่อที่ตรงกับที่ต้องการ (ในกรณีนี้มีชื่อเดียว แต่ว่าชื่อคนต่างชาติมีการซ้ำกันเยอะ) จะเห็นหน้าแสดงรายละเอียดการตีพิมพ์ผลงานที่อยู่ในฐานของ Scopus พร้อมกับจำนวนการอ้างอิงผลงาน (ตัวเลขในคอลัมน์ขวาสุด) เพียงแต่ไม่สามารถอ่านรายละเอียดได้ว่าบทความที่อ้างอิงงานของเราคือใคร นอกจากนี้เรายังสามารถใช้เว็บนี้ส่งให้คนอืนดูได้หากต้องการได้เนื่องจาก Scopus ได้สร้างหมายเลข ID ให้เราซึ่งจะไม่ซ้ำกับคนอื่น




วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ISI, Scopus, TCI, Beall's List, ... (ตอนที่ 4)



        ประเทศไทยเองก็มีวารสารวิชาการที่จัดทำโดยหน่วยงานต่างๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะวารสารระดับมหาวิทยาลัย (และระดับคณะ) นั้นค่อนข้างเยอะกว่าปรกติ ในขณะที่วารสารระดับสมาคมวิชาชีพกลับมีค่อนข้างน้อย การจัดทำวารสารระดับมหาวิทยาลัยโดยส่วนใหญ่ก็ได้รับงบประมาณจากต้นสังกัดดังนั้นวารสารเหล่านี้จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการหารายได้ วารสารที่จัดพิมพ์ส่วนใหญ่ก็ส่งไปตามห้องสมุดของหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาของเว็บไซต์วารสารในประเทศไทยส่วนหนึ่งก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นการเปิดออนไลน์แบบ Open Access กันเป็นส่วนใหญ่ซึ่งก็ช่วยให้การเข้าถึงบทความมีมากขึ้น และลดต้นทุนการพิมพ์วารสารได้ในระดับหนึ่ง ที่จริงแล้วเนื้อหาทางวิชาการของบทความในวารสารไทยนั้นบางส่วนก็มีคุณภาพสูงเพียงแต่ว่าเนื่องจากเป็นเรื่องที่มีลักษณะ local มากกว่า global จึงอาจนำไปตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติได้ยาก

           ในปี 2544 ศ.ดร.ณรงค์ฤทธิ์ สมบัติสมภพ ของมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้ริเริ่มการจัดตั้งศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย หรือ Thai-Journal Citation Index (TCI) Centre โดยได้รับการสนับสนุนจาก สกว. (และอีกหลายหน่วยงานในปัจจุบัน) เพื่อดำเนินการจัดทำตัวบ่งชี้ของวารสารในลักษณะเดียวกับค่า Impact factor ของ ISI เพียงแต่ใช้ข้อมูลของวารสารไทยที่อยู่ในฐานข้อมูลของ TCI เท่านั้น เนื่องจากในอดีตนั้นการเข้าถึงวารสารไทยมีค่อนข้างน้อย การอ้างอิงบทความของไทยก็น้อยมาก โดยพบว่าในอดีตนั้นวารสารไทยโดยเฉลี่ยมีค่า Thai IF นั้นอยู่ในระดับ 0.0XX เท่านั้นเอง

          ศูนย์ TCI ก็ได้เริ่มรณรงค์ให้หน่วยงานต่างๆ นำวารสารวิชาการที่จัดทำมาเข้าสู่ฐานข้อมูลของ TCI ทำให้นักวิจัยไทยมีแหล่งค้นหาบทความวิจัยภาษาไทยได้สะดวกมากขึ้นอีกหน่อย (ฐาน TCI ค้นได้แค่ชื่อเรื่อง ชื่อผู้แต่ง ชื่อวารสารเท่านั้น) และเมื่อประมาณปี 2554 TCI ก็ได้เริ่มประเมินคุณภาพของวารสารที่อยู่ในฐานข้อมูลเพื่อจัดกลุ่มวารสารออกเป็น 1, 2 และ 3 (กลุ่ม 1 ดีที่สุด) และได้ดำเนินการประเมินมาจนในปี 2558 นี้มีการประเมินรอบที่ 3 แล้ว โดยสำหรับวารสารของมหาวิทยาลัยศิลปากรทั้ง 3 วารสารคือ Silpakorn University Science and Technology Journal (สายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี), Silpakorn University Journal ofSocial Sciences, Humanities and Arts (สายสังคมศาสตร์) และวารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร (สายสังคมศาสตร์) นั้นก็ได้รับการจัดอยู่ในกลุ่ม 1 ในขณะที่วารสาร Veridian E-Journal Science and Technology, Silpakorn University (สายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)  และ Veridian E-Journal, Silpakorn University (สายสังคมศาสตร์) ของบัณฑิตวิทยาลัยนั้นอยู่ในกลุ่ม 2 ซึ่งแน่นอนว่าการจัดกลุ่มก็ทำให้หน่วยงานอย่าง สกว. และ สกอ. ให้น้ำหนักกับวารสารกลุ่ม 1 มากกว่ากลุ่มอื่นๆ 




ภาพที่ 1 ผลการประเมินวารสารไทยของ TCI ในปี 2558 (http://www.kmutt.ac.th/jif)