สำหรับเกณฑ์ในการจัดลำดับมหาวิทยาลัยของ THE นั้นทาง THE ระบุว่าเป็นการประเมินมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัย (research- intensive university) โดยใช้เกณฑ์ 13 ตัว เพื่อประเมินองค์ประกอบหลักของมหาวิทยาลัย คือ การสอน (teaching), การวิจัย (research), การถ่ายทอดองค์ความรู้ (knowledge transfer) และ ความเป็นสากล (international outlook) โดยในปี 2015-2016 นี้เขาได้แบ่งกลุ่มตัวชี้วัดออกเป็น 5 กลุ่มคือ
1. การสอน (สิ่งแวดล้อมของการเรียนการสอน) 30%
- การสำรวจชื่อเสียงด้านการสอน 15%
- สัดส่วนอาจารย์ต่อนักศึกษา 4.5%
- สัดส่วนนักศึกษาปริญญาเอกต่อปริญญาตรี 2.25%
- การให้ทุนปริญญาเอกแก่บุคคลากร 6%
- รายได้ 2.25%
2. การวิจัย (ปริมาณ, รายได้, ชื่อเสียง) 30%
- ชื่อเสียง 18%
- เงินวิจัย 6%
- ผลงานตีพิมพ์บนฐาน Scopus 6%
3. การอ้างอิง บนฐาน Scopus 30%
4. ความเป็นสากล (บุคคลากร, นักศึกษา, การวิจัย) 7.5%
- สัดส่วนนักศึกษาต่างชาติต่อนักศึกษาในประเทศ 2.5%
- สัดส่วนอาจารย์ต่างชาติต่อนักศึกษาในประเทศ 2.5%
- ความร่วมมือระดับนานาชาติโดยดูจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ 2.5%
5. รายได้จากอุตสาหกรรม (การถ่ายทอดองค์ความรู้) 2.5%
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยที่ไม่ได้สอนระดับปริญญาตรี หรือมหาวิทยาลัยที่มีงานวิจัยน้อยกว่า 200 บทความต่อปีตลอดช่วงปี 2010 -14 จะไม่ได้รับการพิจารณา
ส่วนการเก็บข้อมูลนั้นเป็นการเก็บข้อมูลโดยตรงจากมหาวิทยาลัยต่างๆ นอกจากนี้ข้อมูลบางอย่างเช่น ชื่อเสียงมหาวิทยาลัยจะได้จากการทำสำรวจ (survey) แบบออนไลน์
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การตีพิมพ์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การตีพิมพ์ แสดงบทความทั้งหมด
วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
หาชื่อย่อวารสารด้วย CASSI
ในการเขียนบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารหรือส่งไปงานประชุมวิชาการนั้นหลายครั้งจำเป็นต้องเขียนเอกสารอ้างอิงโดยใช้ชื่อวารสารแบบย่อ ซึ่งไม่ใช่ว่าเราจะย่อเองได้ เว็บที่เป็นแหล่งข้อมูลทางบรรณานุกรมของวารสารที่สำคัญคือ The CAS Source Index (CASSI) Search Tool ซึ่งเราสามารถเข้าใช้ได้ฟรี ซึ่งหลังจากกดยอมรับเงื่อนไขเข้ามาแล้วจะเห็นหน้าสำหรับค้นหาวาสาร
เช่นถ้าผมอยากได้ชื่อย่อของวารสาร Food Chemistry ก็พิมพ์ชื่อวารสารเข้าไปและกด search ก็จะได้ผลออกมาโดยที่อาจจะมีหลายชื่อที่มีคำว่า food กับ chemistry เนื่องจากเราไม่ได้เลือกคลิกตรง "Exact match"
เมื่อคลิกเลือกดูที่รายการ Food Chemistry ซึ่งตรงกับวารสารที่เราต้องการจะเห็นรายละเอียดดังนี้
ตรงที่ผมไฮไลท์สีเหลืองคือชื่อย่อของวารสาร
เช่นถ้าผมอยากได้ชื่อย่อของวารสาร Food Chemistry ก็พิมพ์ชื่อวารสารเข้าไปและกด search ก็จะได้ผลออกมาโดยที่อาจจะมีหลายชื่อที่มีคำว่า food กับ chemistry เนื่องจากเราไม่ได้เลือกคลิกตรง "Exact match"
เมื่อคลิกเลือกดูที่รายการ Food Chemistry ซึ่งตรงกับวารสารที่เราต้องการจะเห็นรายละเอียดดังนี้
ตรงที่ผมไฮไลท์สีเหลืองคือชื่อย่อของวารสาร
ป้ายกำกับ:
การตีพิมพ์,
การอ้างอิง,
บทความ,
วารสาร,
citation,
Journal,
publication,
Publisher
การค้นหาการอ้างอิงผลงานด้วย Scopus Author Preview
Scopus เป็นฐานข้อมูลผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ขนาดใหญ่ซึ่งผมเคยเขียนเกี่ยวกับฐานนี้ไปแล้วก่อนหน้านี้ ในประเทศไทยหลายองค์กรไม่สามารถเข้าถึงฐาน Scopus ได้ แต่ Scopus มีบริการฟรีอันหนึ่งที่น่าสนใจคือ Author Preview ซึ่งหากเราเข้าเว็บไซต์ของ Scopus ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตที่ไม่สามารถเข้าใช้งานได้ เราจะเห็นหน้าเว็บลักษณะนี้ โดย Link สำหรับใช้ Author Preview จะอยู่ตรงที่ผมวงสีแดงในภาพนี้
เมื่อคลิกเข้าไปจะเห็นหน้าค้นหาดังนี้
ซึ่งเราสามารถใส่ชื่อ หรือนามสกุลของผู้ที่ต้องการค้นได้ เช่น ผมใส่นามสกุลของผม แล้วกดค้นจะได้ผลดังนี้
จากนั้นเมื่อคลิกที่ชื่อที่ตรงกับที่ต้องการ (ในกรณีนี้มีชื่อเดียว แต่ว่าชื่อคนต่างชาติมีการซ้ำกันเยอะ) จะเห็นหน้าแสดงรายละเอียดการตีพิมพ์ผลงานที่อยู่ในฐานของ Scopus พร้อมกับจำนวนการอ้างอิงผลงาน (ตัวเลขในคอลัมน์ขวาสุด) เพียงแต่ไม่สามารถอ่านรายละเอียดได้ว่าบทความที่อ้างอิงงานของเราคือใคร นอกจากนี้เรายังสามารถใช้เว็บนี้ส่งให้คนอืนดูได้หากต้องการได้เนื่องจาก Scopus ได้สร้างหมายเลข ID ให้เราซึ่งจะไม่ซ้ำกับคนอื่น
ซึ่งเราสามารถใส่ชื่อ หรือนามสกุลของผู้ที่ต้องการค้นได้ เช่น ผมใส่นามสกุลของผม แล้วกดค้นจะได้ผลดังนี้
จากนั้นเมื่อคลิกที่ชื่อที่ตรงกับที่ต้องการ (ในกรณีนี้มีชื่อเดียว แต่ว่าชื่อคนต่างชาติมีการซ้ำกันเยอะ) จะเห็นหน้าแสดงรายละเอียดการตีพิมพ์ผลงานที่อยู่ในฐานของ Scopus พร้อมกับจำนวนการอ้างอิงผลงาน (ตัวเลขในคอลัมน์ขวาสุด) เพียงแต่ไม่สามารถอ่านรายละเอียดได้ว่าบทความที่อ้างอิงงานของเราคือใคร นอกจากนี้เรายังสามารถใช้เว็บนี้ส่งให้คนอืนดูได้หากต้องการได้เนื่องจาก Scopus ได้สร้างหมายเลข ID ให้เราซึ่งจะไม่ซ้ำกับคนอื่น
ป้ายกำกับ:
การตีพิมพ์,
การอ้างอิง,
บทความ,
วารสาร,
citation,
publication,
Publisher,
Scopus
วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
Publication charge
แม้ว่าในปัจจุบันวารสารส่วนใหญ่จะไม่เรียกเก็บค่าตีพิมพ์
(publication charge, page charge) จากผู้เขียน แต่ก็ใช่ว่าการตีพิมพ์นั้นจะฟรีเสมอไป
โดยทั่วไปการตีพิมพ์บทความนั้นตั้งแต่สมัยก่อนมาก็จะตีพิมพ์เล่มเป็นขาวดำดังนั้นหากผู้เขียนต้องการให้วารสารตีพิมพ์ภาพสี
เช่น เป็นภาพถ่ายจากกล้องจุลทรรศ์ที่มีการย้อมสีเซลล์ที่สนใจ
วารสารส่วนใหญ่จะขอเก็บเงินสำหรับหน้าที่ตีพิมพ์เป็นสี แม้ว่าตัวฉบับ Online นั้นปัจจุบันวารสารจะตีพิมพ์ภาพสีและกราฟที่เป็นสีให้ฟรี
นอกจากนี้จะมีส่วนที่อาจจะเป็นราคาที่แพงคือ
Open Access (OA) option ซึ่งวารสารใหญ่ๆ
ส่วนใหญ่จะทำระบบนี้ไว้ให้กับบทความที่ได้รับการ accept แล้ว
นั่นคือหากผู้เขียนต้องการให้วารสารเปิดบทความของผู้เขียนนั้นๆ เป็นแบบ Open
access ทันทีที่ตีพิมพ์ ผู้เขียนก็จะต้องจ่ายเงิน
โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 3,000 USD ก็ประมาณ 1 แสนบาทเท่านั้นเอง ถ้าสงสัยว่าแล้วการที่ทำให้เป็น OA มันดีอย่างไร เราก็ต้องเข้าใจก่อนว่าการที่จะเปิดอ่านบทความของวารสารต่างๆ
ได้ เช่นใน ScienceDirect นั้นจะต้องมีการจ่ายเงินค่า subscription
แก่ทางบริษัทเสียก่อน เช่น ถ้าเป็นนักศึกษาในประเทศไทย นั้น สกอ.
จะเป็นผู้จ่ายให้แล้วให้มหาวิทยาลัยต่างๆ เข้าใช้ได้ แต่ถ้าเป็นในประเทศอื่น
แต่ละมหาวิทยาลัยก็อาจจะต้องจ่ายเงินเอง เป็นต้น แต่ก็มีอีกหลายประเทศ
อีกหลายมหาวิทยาลัยที่ไม่สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลเหล่านี้ได้
หมายความว่าเขาไม่สามารถอ่านบทความของเราได้
ถ้าเราทำให้บทความของเราเป็น OA ไม่ว่าใครบนโลกนี้ก็สามารถดาวโหลด
full text ของเราไปอ่านได้ฟรีๆ
บางวารสารในสาย
Food Science & Technology ที่ยังมีการเก็บเงินค่าตีพิมพ์นั้นก็มีอยู่
โดยส่วนใหญ่เป็นวารสารของสมาคมวิชาชีพซึ่งอาจจะไม่มีรายได้มากนัก
(การจัดทำวารสารก็มีต้นทุน)
Journal
|
การเก็บค่าตีพิมพ์
|
สำหรับกรณีที่ผู้แต่งไม่ได้เป็นสมาชิกของ IFT เก็บหน้าละ 120 USD แต่ถ้าไม่มีเงินจ่าย
ต้องทำจดหมายขอยกเว้นซึ่งลงนามโดยผู้เขียนและหัวหน้าต้นสังกัด
ส่วนภาพสีคิดภาพละ 500 USD
|
|
เก็บหน้าที่เกินจาก 7 หน้า (เมื่อจัดหน้าก่อนการตีพิมพ์แล้ว) หน้าละ 100
GBP
|
|
จ่ายค่า reprint
(บทความที่ตีพิมพ์แล้ว เอาไว้ให้คนอื่นได้) อย่างน้อย 50 ชุด ประมาณ 30,000 Yen
|
ป้ายกำกับ:
การตีพิมพ์,
บทความ,
วารสาร,
Open Access,
Publisher
วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
Scope and Speed
การเลือกวารสารที่จะตีพิมพ์นับเป็นสิ่งที่ผู้เขียนต้องตัดสินใจเป็นอันดับแรกๆ ในกระบวนการเขียนเปเปอร์ (หลังจากมีงานวิจัยเพียงพอที่จะตีพิมพ์) ซึ่งโดยทั่วไปนักวิจัยก็อยากตีพิมพ์ในวารสารที่เขาว่ากันว่าดีที่สุดในสาขาของตน โดยอาจดูที่ค่า Impact factor (IF) เปรียบเทียบกันระหว่างวารสารในกลุ่มที่คิดว่าเป็นเป้าหมาย เช่น ถ้าเป็นวารสารด้าน Food Science & Technology ก็หาค่า IF ของวารสารต่างๆ มานั่งดู แล้วก็เลือกวารสารที่เข้าข่ายอยู่ในสาขาของงานวิจัยที่ได้ทำไป ซึ่งปัจจุบันวารสารขนาดใหญ่จะระบุขอบเขต (scope) ที่ค่อนข้างชัดเจน อย่างเช่น ตัวอย่างของ LWT- Food Science and Technology (ภาพที่ 1) นั้นเขาก็ระบุว่าเราตีพิมพ์งานในกลุ่ม food chemistry, biochemistry, microbiology, technology, nutrition แต่งานที่เน้นการทดสอบในสัตว์ทดลองนั้นจะไม่รับพิจารณา ข้อมูลนี้ควรเป็นสิ่งที่เราต้องอ่านให้ละเอียดเวลาเลือกวารสาร
ภาพที่
1 ตัวอย่าง scope ของวารสาร LWT- Food Science
and Technology (http://www.journals.elsevier.com/lwt-food-science-and-technology)
หรืออย่างวารสาร Carbohydrate Polymers เขาก็ทำตัวอย่างบทความที่มักจะไม่ได้รับการพิจารณาในวารสารดังภาพที่
(2)
ภาพที่ 2 ตัวอย่าง scope ของวารสาร Carbohydrate Polymers
(http://www.journals.elsevier.com/carbohydrate-polymers)
นอกจาก scope
แล้วสิ่งที่ควรดูคือจำนวนเล่มของการตีพิมพ์ แม้ว่าปัจจุบันวารสารส่วนใหญ่ตีพิมพ์เดือนละเล่มเป็นส่วนใหญ่
(12 issues/year) แต่ก็มีวารสารชนาดเล็กอีกพอควรที่ตีพิมพ์ 6
issues บ้าง หรือบางที่แค่ 4 issues ก็มี
ที่มากกว่าที่อื่นก็อย่างเช่น Journal of Agricultural
and Food Chemistry ที่ออกเป็นรายสัปดาห์ (52 issues/year) จำนวนเล่มการตีพิมพ์ก็จะส่งผลถึงระยะเวลาของการ peer review ถ้าต้องพิมพ์มากก็ต้องมีเรื่องที่วารสารรับเข้ามามาก ดังนั้นก็ต้องมีระบบการ
peer review ที่รวดเร็ว (ภาพที่ 3, 4) ในทางตรงกันข้ามวารสารที่ตีพิมพ์น้อยกระบวนการก็มักจะช้าตามไปด้วย
(ภาพที่ 5)
ภาพที่ 3 ตัวอย่างการดูประวัติของบทความใน
Food Chemistry ฉบับล่าสุด อันนี้ได้รับต้นฉบับ
(received) วันที่ 29 August, ได้รับฉบับแก้ไข (revised) วันที่ 16 October, และตอบรับตีพิมพ์ (Accepted)
วันที่ 19 October รวมกระบวนการ peer review
เพียง 7 สัปดาห์
ภาพที่ 4 ตัวอย่างการดูประวัติของบทความใน
Journal of Agricultural and Food Chemistry ฉบับล่าสุด
อันนี้ได้รับต้นฉบับวันที่ March 27, revised วันที่ June 07, และตอบรับวันที่ June 18 รวมกระบวนการ peer
review ประมาณ 2 เดือน
ภาพที่ 5 ตัวอย่างการดูประวัติของบทความใน
Journal of Food Quality ฉบับล่าสุด รับต้นฉบับวันที่ 23 Aug, 2014 และตอบรับวันที่ 28 June, 2015 รวมกระบวนการ peer review ประมาณ 10 เดือน
ป้ายกำกับ:
การตีพิมพ์,
บทความ,
วารสาร,
publication,
Publisher
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)